เปิดใจ Adam Wingard ผู้กำกับฯ อภิมหาศึกสัตว์ยักษ์ Godzilla x Kong: The New Empire

การต่อสู้ครั้งใหญ่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง! ผลงานภาพยนตร์มอนสเตอร์เวิร์สจาก Legendary Pictures สู่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่ของ Godzilla vs. Kong ที่มาพร้อมการผจญภัยครั้งใหม่ พาคองผู้ยิ่งใหญ่และก็อตซิลล่าผู้น่าเกรงขามไปพบกับมหันตภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในโลกของเรา ท้าทายการมีตัวตนอยู่ของพวกเขาและพวกเราเอง ใน Godzilla x Kong: The New Empire ที่จะเข้าไปสำรวจเรื่องราวในอดีตแบบเจาะลึกเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเหล่ายักษ์ใหญ่ ความลึกลับของ Skull Island และอีกมากมาย รวมถึงการต่อสู้ตามตำนานที่ช่วยหลอมลวมเหล่ายักษ์ใหญ่กับมวลมนุษย์ไว้ตลอดกาล จะสนุกขนาดไหนไปฟังจากปากผู้กำกับฯ คนเดิม อดัม วินการ์ด กันเลย

การจับมือกันของก็อตซิล่าและคอง…

“เมื่อเราเห็นก็อตซิลล่าและคองต่อสู้กันอย่างดุเดือดในเรื่อง Godzilla vs. Kong’แล้วจะเป็นอย่างไรต่อ? คำตอบที่ชัดเจนคือ ‘การจับมือกัน’ ผมจำได้ตอนที่เราสร้างเรื่องล่าสุดเสร็จสิ้นแล้ว มีสิ่งหนึ่งที่ย้อนกลับมาในความคิดของผมคือ ‘จากตรงนี้จะไปทางไหนต่อ?’ แต่ไอเดียที่จะให้ก็อตซิลล่าจับมือกับคองนั่นไม่ใช่จะสร้างขึ้นมาได้ง่ายๆ สองสัตว์ประหลาดนั้นต่างครองภาคพื้นดิน ผมเลยใช้แรงบันดาลใจส่วนใหญ่มาจากผู้สร้างภาพยนตร์คนโปรดของผม จอห์น คาร์เพนเตอร์ เขาเคยสร้างหนังเรื่อง They Live ในเรื่องนั้น 2 ตัวละครหลักสำคัญต่อสู้กันแบบใส่แว่นตา นั่นคือช่วงเวลาที่สำคัญ ผมชอบไอเดียที่คนสองคนร่วมทีมกันต่อสู้เพราะความเข้าใจผิด ตัวละครของเราตอนนี้ที่เคยต่อสู้กัน เคยอยู่ในหนังร่วมกัน ยากที่จะนึกถึงภาพหนังเรื่องอื่นที่ไม่มีพวกเขา เมื่อเราจับคู่ก็อตซิลล่ากับคองขึ้นมาแล้ว เราไม่สามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้ แต่พวกเขาจะไม่อยู่บนเส้นทางนั้นอีกต่อไป ทั้งคู่ต่างมีอีโก้สูงมาก และความสนุกอยู่ที่แม้พวกเขาจะร่วมทีมด้วยกัน ก็จะมีช่วงที่ทุกอย่างไม่ราบรื่น พวกเขาเหมือนกับคู่หูตำรวจที่มีบุคลิกต่างกัน พวกเขาไม่สบตากันตลอดเวลา นั่นคือบรรยากาศที่เราสร้างขึ้นมา… มีการจับมือกันสงบศึกชั่วคราว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

เหล่ายักษ์ใหญ่ค่อยๆ มีการพัฒนาขึ้น…

“ไม่ต่างจากนักแสดงทุกคน หากเราเคยร่วมงานกับพวกเขามาก่อน เราจะพัฒนาเรื่องความเข้าใจกัน ไม่ต่างกับก็อตซิลล่าและคอง ในการทำความเข้าใจเพื่อถ่ายทำพวกเขา ต้องรู้มุมของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากการร่วมงานกับพวกเขาในภาพยนตร์เท่านั้น เพราะการถ่ายทำสิ่งมีชีวิตสูง 300 ฟีตบางครั้งก็ท้าทายความรู้สึก แต่ความพิเศษอยู่ที่คองและก็อตซิลล่าต่างมีพัฒนาการเกิดขึ้นด้วย เช่นเดียวกับนักแสดงที่เหลือในภาพยนตร์

“ในเรื่อง Godzilla vs. Kong สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่ามีความต่อเนื่องกับภาพยนตร์เรื่องอื่น ก็อตซิลล่าต้องรู้สึกเหมือนก็อตซิลล่าที่เราพัฒนาขึ้นในมอนสเตอร์เวิร์ส และคองก็ต้องรู้สึกเป็นตัวละครเดิม แต่สำหรับผมจะมองหาโอกาสอัพเดทตัวละครขึ้นด้วย เพื่อให้เขามีภาพลักษณ์มุมใหม่ และผมไม่อยากให้มันดูเป็นการสุ่มไปเรื่อย ภาพยนตร์แนวนี้หลายเรื่องจะพยายามอัพเดทตัวละครและมีภาพลักษณ์ที่ต่างออกไปในภาพยนตร์ภาคต่อ… แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนั้นอย่างจริงจัง ผมอยากให้มันถูกผลักดันโดยเรื่องราว และผมรู้ว่าในการพัฒนาช่วงแรก ผมอยากให้ก็อตซิลล่ามีภาพลักษณ์แบบใหม่ แต่อยากแน่ใจว่ามันเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจในเรื่องราว และเราจะได้เห็นพัฒนาการที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้

“และอีกสิ่งหนึ่งคือผมชอบสีชมพูเป็นพิเศษ สีชมพูและฟ้าคือสีโปรดของผม มนเลยเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะพาก็อตซิลล่าไปอยู่จุดนั้น ตอนแรกผมคิดเรื่องก็อตซิลล่าผลัดผิวตัวเอง แต่เนื้อเรื่องดำเนินไปอีกทิศทางหนึง แต่ในเรื่องนี้ก็อตซิลล่าได้เปลี่ยนสีผิว เขากลายเป็นความแปลกใหม่ในเรื่องนี้ และการออกแบบใหม่นี้ทำให้เราได้พาก็อตซิลล่าเข้าสู่ยุคของโชวาที่ไม่ขึ้นกับเหตุผล ผมชอบหนังแนวนี้ที่เขาบินไปได้ทั่วและปล่อยการเตะ เขาเต้นได้ด้วยซ้ำ แต่โชวามีเรื่องความหลุดโลกเป็นแรงบันดาลใจ คำถามที่เกิดขึ้นคือ ‘เราพอจะทำให้ความไม่สมเหตุผลของโชวาดูสมจริง และทำให้อารมณ์การ์ตูนยุค 80 สมจริงได้หรือไม่?’ นั่นคือเรื่องพื้นฐานที่ผมพยายามทำ ผมอยากมีความไร้สาระและสมจริงอย่างสุดขั้วอยู่ตลอด และในภาพยนตร์ก็เล่นกับสิ่งนั้น ก็อตซิลลาดีไซน์ใหม่สะท้อนสิ่งนั้นออกมา”

สิ่งที่ก็อตซิล่าและคองต้องเผชิญหน้าด้วย…

“เมื่อมีภาพยนตร์ที่ชื่อว่า Godzilla x Kong ไม่มีทางที่จะหนีบรรยากาศการวิ่งของพวกเขาไปได้เลย เราจะพบกับบางสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องจับมือกันเพื่อเอาชนะ เราอยากให้มีเรื่องราวของตัวร้ายที่มีหลากหลายมุมมากกว่าเป็นแค่สัตว์ประหลาดอีกตัวหนึ่ง และมันต้องทำอะไรที่ส่งผลร้ายต่อโลกด้วย มันเป็นเรื่องปกติเวลาที่เราทำหนังเกี่ยวกับก็อตซิลล่าหรือคอง มนุษย์คือภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่ และเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เกิดปัญหา นั่นคือสิ่งสำคัญต่อเรื่องราวของก็อตซิลล่าและคอง เพราะในหลายมุมของพวกเขาล้วนเกี่ยวข้องกับการทำลายโลกของมนุษย์และการรุกล้ำธรรมชาติ เพราะความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในตัวละครของคอง ทำให้เรานึกถึงตัวร้ายอย่างสการ์ คิง มันเป็นการเปิดประตูให้เราเล่าเรื่องราว ‘ความโหดร้ายของมนุษย์’ ออกมาได้ แต่จากมุมของความเป็นสัตว์ประหลาด นันหมายถึงการสร้างภัยร้ายที่ใหญ่ขึ้นและสการ์ คิงเป็นผู้ควบคุมได้ มนุษย์มีทั้งกองทัพและอาวุธที่จะทำลายล้างมากมาย สการ์ คิงก็มีมุมนั้นเช่นกัน มันต้องอาศัยสัตว์ประหลาดผู้เป็นฮีโร่บนโลกนี้จับมือกันหยุดยั้งเขาเอาไว้”

2 ภารกิจในฮอลโลว์ เอิร์ธ…

“ข้อดีสำหรับเรื่องนี้คือเรามี 2 เรื่องราวสำคัญเกิดขึ้นพร้อมกัน เรื่องแรกคือจีอา [รับบทโดยเคย์ลี ฮอทเทิล] เดินทางไปจนพบว่ายังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกคือ ไอวี่ ที่ยังหลงเหลืออยูในอารยธรรมอันน่าทึ่งที่ฮอลโลว์ เอิร์ธ และอีกด้านหนึ่งคือเรื่องราวของคอง เขาเองก็พบว่ายังมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่เหมือนเขา แต่ในมุมนี้พวกเขาอยู่ในดินแดนลึกลับอันโหดร้าย เราอยากสร้างความแตกต่างของโลกทั้ง 2 ใบนั้น และถ่ายทอดให้เห็นว่าจีอาและคองต่างต้องต่อสู้ฟันฝ่าในการเดินทางที่คล้ายกันมาก ทั้งคู่ต้องพบกับอุปสรรคในการอยู่รอดเป็นตัวสุดท้ายในสายพันธุ์ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าไปสำรวจความแตกต่างของทั้งคู่ในฮอลโลว์ เอิร์ธซึ่งเป็น 2 เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกัน

“ผมได้แรงบันดาลใจส่วนใหญ่มากจากภาพยนตร์โชวา ในดินแดนลึกลับที่จะได้สัมผัสในภาพยนตร์เหล่านี้ พร้อมด้วยบรรยากาศที่ใช้โทนสีหลักในเรื่อง แต่ทำให้คุณรู้สึกสมจริง นั่นคือสิ่งหนึ่งที่สำคัญและเป็นเป้าหมายของผม มีทางเดินยาวแบบยุค 80 มีการตั้งคำถามว่า ‘เราจะใช้โทนสีนั้นและสไตล์แบบนั้นโดยที่ทำให้รู้สึกสมจริงได้หรือไม่? เราสร้างฐานทัพสำคัญโดยทาสีผนังเป็นเหลืองและแดง สร้างให้มันสูงขึ้นหน่อย และดูสกปรกสมจริงได้หรือไม่? เราสามารถสร้างปิระมิดคริสตัลสูง 400 ฟุตให้สมจริงได้หรือไม่?’ และในฮอลโลว์ เอิร์ธอะไรก็เกิดขึ้นได้ ผมคิดว่าเราคิดภาพฮอลโลว์ เอิร์ธแบบพลิกประวัติศาสตร์มองจากมุมภายใน เหมือนทุกอย่างเริ่มต้นในโลก จากนั้นค่อยขยายตัวออกไป นันคือเหตุผลที่อารยธรรมไอวี่เข้าถึงประตูที่ซ่อนไว้ภายใต้ปิระมิดชาวอียิปต์ นี่คืออารยธรรมแอตแลนทีนในแบบเรา เราพูดกันว่านครแอตแลนติสไม่ได้อยู่บนภาคพื้นดิน เพราะมันอยู่ใต้ดินมาตลอด”

ซูโก ‘คองจิ๋ว’ ตัวใหม่…

“ในช่วงแรกมีไอเดียที่จะรวมตัวละคร ‘ลูกชายของคอง’ เข้ามา และมันติดอยู่ในความคิดของผมเสมอ ‘โอเค ในเรื่องจะต้องมีตัวละครลูกชาย แต่เราจะทำให้ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับคองอย่างไร และตัวละครนี้ควรมีหน้าตาแบบไหน?’ ผมไม่อยากให้รู้สึกเหมือนตอนที่ Star Wars นำอีวอคเข้ามา และพวกเขากลายเป็นตุ๊กตาน่ารักน่ากอด ผมอยากให้ตัวละครนี้ทำลายความคาดหวังว่าตัวละครที่น่ารักต้องออกมาแบบไหน ซูโกเป็นตัวละครจิ๋วที่แกร่ง เขาไม่ได้เป็นแค่หมีน่ารักน่ากอด แม้เขาจะมีความน่ารักก็ตาม อันที่จริงหนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย เรามี ดร.ไอลีน แอนดรูว์ [รับบทโดยรีเบ็คก้า ฮอลล์] พร้อมด้วยจีอา และเรายังมีคองที่ได้พบกับซูโก ทั้งคู่ต่างมีสิ่งที่ตัวเองต้องเผชิญ ผมพูดได้เลยว่าซูโกเป็นตัวละครหนึ่งที่ผมตื่นเต้นมากที่จะได้เห็น เพราะสิ่งเดียวที่ผมรู้ว่าจะต้องปรับปรุงเขาคือต้องมีดวงตาที่ดูเป็นมิตรและใหญ่ ผมคิดเสมอว่า ‘เราสร้างอะไรที่มีทั้งความน่ารักและความแกร่งในเวลาเดียวกันได้ไหม?’ จนกลายเป็นซูโกที่เห็นชัดเจนว่าเขาน่ารัก เขาใช้ความน่ารักนั้นเป็นตัวปรองดองกับผู้ที่อยู่รอบตัว แต่สุดท้ายเขาคือสิ่งมีชีวิตที่มีความแกร่ง เมื่อมองไปรอบๆ จะเห็นว่าไม่ค่อยมีวานรอายุเท่ากับเขาสักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ไปไม่ถึงจุดนั้นหรือไกลกวานั้น… ฉะนั้นเขาคือผู้รอดชีวิต”

การเข้ามาของสการ์ คิง…

“สการ์ คิง คือจอมเผด็จการวายร้ายคนสำคัญ [หัวเราะ] ความศิวิไลซ์รอบโลกและประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาต่างมีเผด็จการวายร้ายในแบบของตัวเอง ผมคิดว่าสการ์ คิงเป็นวายร้ายสมัยโบราณ เขาเป็นตัวแทนของด้านมืดของมนุษย์ เขาคือผู้ครองเผ่าพันธุ์วานรในฮอลโลว์ เอิร์ธ บงการทุกอย่าง และทำเพื่อตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในหนังยังมีห้องบัลลังก์ของเขาที่จะเห็นมุมฮาเร็มเล็กๆ พร้อมกับวานรตัวน้อยที่ดูเหมือนสการ์ คิงขนาดเล็ก เขาควบคุมทุกอย่างมาเป็นเวลานาน ปล่อยให้วานรเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ปกติแล้วเหล่าวานรเหมือนอยู่ในนรก พวกมันไม่เหลือวิญญาณ และเขาคือปีศาจร้าย”

สิ่งที่ผู้ชมคาดหวังได้ในเรื่อง…

“สำหรับผม เวลาที่ลูกกับผมดูหนังเรื่องก็อตซิลล่าด้วยกัน และพูดเวลาก็อตซิลล่ากับมอธร่าร่วมทีมกัน พร้อมด้วยแองกุยรัสและตัวละครทั้งหมด ผมเข้าใจว่าสัตว์ประหลาดกำลังสื่อสารอะไรกัน ไม่จำเป็นต้องมีใครอธิบายให้ฟังเลย บอกตามตรงว่าผมแทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามนุษย์พูดกันอย่างไรในหนังภาคก่อน สิ่งที่เรียกความสนใจจากผมได้คือสัตว์ประหลาดในบรรยากาศที่สมจริงและการสื่อสารกัน มันทำให้ผมอยากลงไปสำรวจมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่ตื่นเต้น การสร้างเรื่อง GvK ทำให้ผมมั่นใจว่าปล่อยให้สัตว์ประหลาดเหล่านี้ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองได้ ปล่อยให้พวกเขาเป็นเพียงตัวละคร นับเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นในการสร้างหนังสัตว์ประหลาด มีอีกหลายทักษี่เราไม่สามารถเตรียมพร้อมล่วงหน้าได้ ผมเผชิญหน้าพร้อมกับความรู้สึก ‘โอเค [หัวเราะ] ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าจะสร้างหนังสัตว์ประหลาดอย่างไร และตอนนี้ก็พร้อมจะสร้างอีกครั้งแล้ว ผมเก็บความรู้ทุกสิ่งเอาไว้ นำมาปรับใช้และพัฒนาสู่ขั้นต่อไป’ เพราะในที่สุดแล้วผมไม่ได้อยากสร้างแค่หนังในโลกของสัตว์ประหลาด แต่อยากให้มีความตื่นเต้นแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน ผมอยากให้มีช่วงเวลาที่ได้อ้าปากค้างในหนังสัตว์ประหลาด ไม่ว่าจะเป็นหนังแนวใดก็ตามที่สร้างในอนาคต ไม่ว่าสัตว์ประหลาดจะเดินทางไปไกลได้ขนาดไหนก็ตาม ผมอยากให้เรื่องนี้บอกเล่าทุกอย่าง และผมอยากเดินออกไปอย่างมั่นใจว่าเราสร้างทุกอย่างเอาไว้แล้ว… และเรื่องราวทั่วไปของผู้คนด้วย!”

เตรียมพบกับมหาศึกครั้งใหม่ของก็อตซิลล่าและคองใน GODZILLZA X KONG: THE NEW EMPIRE 28 มีนาคมนี้ในโรงภาพยนตร์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *