Robert Pattinson กับภารกิจตายซ้ำตายซ้อนใน Mickey 17 ภาพยนตร์ไซไฟโดยผู้กำกับ Bong JoonHo

Micky 17 คือภาพยนตร์ไซไฟสุดแหวกแนวจาก บงจุนโฮ ผู้เขียนบทฯ / ผู้กำกับฯ เจ้าของรางวัล Academy Award จากเรื่อง Parasite  เมื่อ มิกกี้ บาร์นส์ ฮีโร่จำเป็น พบว่าตัวเองตกอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่ปกติในการร่วมงานกับนายจ้าง ซึ่งเขาต้องรับงานที่… ต้องยอมตายเพื่อความอยู่รอด เขียนบทฯ และกำกับฯ โดยบงจุนโฮ  นำแสดงโดยโรเบิร์ต แพททินสัน (The Batman,Tenet) นาโอมี แอ็คกี้ (Star Wars: Episode IX – The Rise of Skywalker) สตีเวน หยวน ผู้ชิงรางวัล Academy Award (Minari, Beef) พร้อมด้วยผู้ชิงรางวัล Academy Award โทนี่ คอลเลต์ (Hereditary) และมาร์ค รัฟฟาโร (Poor Things)

พูดคุยกับโรเบิร์ต แพททินสัน ผู้รับบท มิคกี้ บาร์นส์

การพบเจอและร่วมงานกับผู้กำกับฯบงจุนโฮ

ผมคิดว่าในโลกนี้มีผู้กำกับฯ 3 แบบ อาจจะ 2 นั่นคือคนที่อยู่ในระดับเดียวกับบง และมีผู้ชมที่เป็นแบบบงเช่นกัน ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ผลงานของเขา อยู่ๆ ก็จะรู้เองได้เลยว่า ‘นั่นคือโปรเจ็กต์ของบง’ ผมได้เจอเขาและรักเขามาก จากนั้นก็ได้รับบทและมันเป็นบทที่หลุดโลกมากเท่าที่ผมเคยอ่านมา รู้สึกมีทั้งความเสี่ยงและงดงามในเวลาเดียวกัน มันเป็นเรื่องที่ดีเวลาได้อยู่กับคนที่เรารู้สึกว่าได้รับการสนับสนุน ผมเดินเข้ามาโดยที่ไม่รู้ว่าจะคาดหวังกับเรื่องอะไร มันสนุกดีครับ เพราะเราไม่สามารถตัดสินตัวเขาได้จากผลงานภาพยนตร์เลย เขาเป็นคนที่น่ารัก สนุกสนาน ให้ความร่วมมือ มีความมุ่งมั่นสูงมาก ไม่เหมือนที่ผมวาดภาพเอาไว้เลย แต่เขามีพลังอย่างมหาศาลด้วย เราไม่รู้หรอกว่ามันมีพลังขนาดไหนในช่วงแรก มันถ่ายทอดให้เห็นในทุกระดับของการถ่ายทำ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก

เล่าถึงเรื่องของ Mickey 17

ผมคิดว่ามันมีการผสมผสานหลายๆ อย่าง ผมสัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่อ่าน มันมีรายละเอียดเยอะมหาศาล และมีมุกตลกสอดแทรกในเวลาเดียวกัน ช่วงแวบแรกจะรู้สึกว่ามีรายละเอียดมากมายจนรู้สึกว่า ‘สิ่งต่างๆ เหล่านี้มารวมกันได้อย่างไร?’ และบางส่วนของเรื่องจะรู้สึกเหมือนความท้าทาย [หัวเราะ] เป็นบทภาพยนตร์ที่ผมไม่ได้อ่านอะไรแบบนี้มานานแล้ว และไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้อ่านอีก จกนั้นพอได้รู้ว่ามีคนที่สร้างผลงานได้ดีระดับเขามาร่วมงานในบทเรื่องนี้ด้วย มันยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไซไฟ อันที่จริงผมไม่รู้ว่าจะเล่าถึงเรื่องราวให้ทุกคนฟังได้อย่างไร แม้แต่ช่วงเริ่มแรกที่ ‘มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเชฟทำขนมในอนาคต เขาเปิดร้านขายมาการองและเขากู้เงินมาจากเจ้าหนี้หน้าเลือด จากนั้นเขาเดินทางไปยังอวกาศ เขาถูกปรินท์ซ้ำแล้วซ้ำอีก’ [หัวเราะ] เราพยายามจะบรรยายทุกอย่างออกไป ผมคิดว่าช่วงแรกจะดูรับความเสี่ยง แต่พอได้เริ่มทำงานผมไม่รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด บงมีความชัดเจนว่าเขาต้องการถ่ายทำอะไร และมั่นใจมากว่าเราจะเข้าถึงจังหวะของเขาได้อย่างรวดเร็ว

ตัวละครมิคกี้ บาร์นส์

มิกกี้เป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน แวบแรกเขาดูเป็นคนเชย ดูเซ่อ แต่เขาไม่ใช่แบบนั้นเลย เขามีความปรารถนาพิเศษ เขาดูใสซื่อและไร้เดียงสาในหลายๆ ด้าน เขาผ่านพบความเจ็บปวดและพยายามเยียวยาความทรมานนั้นในหลายๆ ทาง สำหรับคนอื่นอาจจะดูโง่งี่เง่า แต่ไม่ใช่เรื่องงี่เง่าสำหรับเขา ช่วงแรกดูเหมือนเรื่องตลก จากนั้นเรื่องราวเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เขาเป็นเด็กกำพร้าที่ได้รับการปกป้องจากเพื่อนสนิทที่เขาพบในสถานเลี้ยงเด็ก มิกกี้ตามติดเขาทั้งชีวิตและไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด นี่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการค้นหาความเป็นตัวเอง ผมเดาว่ามันเหมือนการทำให้ตัวเองดูดีเวลาอยู่หน้ากระจกเลย [หัวเราะ]

การตายของมิกกี้

คุณรู้อะไรไหม? ตอนอ่านบทผมรู้สึกสนุกกับมันมาก จากนั้นพอเห็นทุกอย่างรวมเข้าด้วยกันมันดูน่ากลัวไปเลย [หัวเราะ] แต่ก็รู้สึกว่า ‘มันก็แค่เรื่องหนึ่ง’ รู้สึกเหมือนเราถายทำเพื่อเสียงหัวเราะ พอได้ดูแล้ว.. บงสร้างโทนเรื่องขึ้นมาได้อย่างดีเยี่ยม มีทั้งความเจ็บปวดและมีอะไรที่เราไม่เคยได้เห็น มีเรื่องราวที่น่ากลัวสำหรับมิกกี้ ชีวิตเต็มไปด้วยความน่ากลัว แต่ผมคิดว่าคุณต้องการมันในระดับเข้มข้น และเห็นการเยียวยาของเขาจนมุมความกล้าของตัวละคร มันเป็นเรื่องน่าสนุกที่มีตัวละครมองตัวเองว่าเป็นฮีโร่ เขาไม่เคยเห็นค่าของตัวเองเลยสักนิด จนถึงจุดที่เขารู้สึกผิดกับตัวเอง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกทรมาน เพราะเขาอยากเป็นที่ยอมรับของกลุ่มและมีจุดหมาย ผมคิดว่าผู้ชมจะได้เห็นมันเมื่อเรื่องราวดำเนินไป

มิกกี้ 17 พบกับมิกกี้ 18

มันเหมือนกับมิกกี้ 17 ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำลังมีชีวิตอยู่ เขายอมรับสถานการณ์ต่างๆ เหมือนเป็นเรื่องง่ายมาก เหมือนกับ ‘คุณไม่รู้หรอกว่าตัวเองมีอะไรอยู่จนกระทั่งสูญเสียมันไป’ มันคือเรื่องแบบนั้น จากนั้นมิกกี้ 18 โผล่ขึ้นมาและอยากใช้ชีวิต เขาทนเห็นมิกกี้ 17 ดูถูกตัวเองไม่ได้ มันผลักดันให้ 17 ได้เห็นคุณค่า เพราะเขากำลังจะถูกทำลายโดยรุ่นต่อไป แม้ว่าเขาจะถูกฆ่ามาแล้วหลายต่อหลายครั้ง มันยังเป็นเรื่องที่อธิบายคนอื่นได้ยาก เหมือนเรามีบุคลิก 2 ด้าน ด้านหนึ่งพยายามพัฒนาตัวเอง และด้านนั้นกำลังมองอีกด้านที่ดูขี้เกียจ ผลัดวันประกันพรุ่ง และทำตัวน่ารังเกียจ แต่เราไม่ทันรู้ตัวเลยว่าทั้งสองด้านนั้นคือเราเอง จนเราอดไม่ได้ที่จะทรมานและลงมือฆ่าอีกด้านหนึ่ง [หัวเราะ]

ความแตกต่างระหว่าง 17 และ 18

ผมเดินทางมาที่ลอนดอนไม่กี่เดือนก่อนจะเริ่มเปิดกล้อง และมีการทดลองเสียงหลายแบบสำหรับตัวละครทั้ง 2 เป็นเรื่องที่แปลกีดครับ เพราะเราต้องเล่น 2 บทบาทที่มีการอธิบายอะไรหลายอย่าง แต่ขณะเดียวกันไม่มีใครบอกได้เลยว่าพวกเขาแตกต่างกัน แต่มันก็เริ่มต้นจาก ‘ใครคือมิกกี้ บาร์นส์?’ คุณคือเชฟมาการองในอนาคต ฉะนั้นคุณมีภารกิจต้องทำ บวกกับอีกหลายล้านสิ่ง มันดูเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเหลือเชื่อ ผมเริ่มทดลองการแสดงในแบบที่ต่างกัน จากนั้นเรามีการอ่านบท บงเดินมาหาผมและพูดว่า “เสียงที่พูดแบบนั้น อย่าทำเชียวนะ” [หัวเราะ] ผมตอบเขาได้แค่ “โอเค ทิ้งมันไปแล้วละ” จากนั้นแผนกเมคอัพได้จัดการเรื่องใบหน้า เพราะบงอยากให้ 18 ดูมีเนื้อหนังขึ้น เราทดลองเรื่องการเสริมแก้มกันหลายแบบ เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลยในหลายล้านปีนี้ สุดท้ายมีการแต่งฟันด้วย เราทำให้มันดูเล็กลงจนใบหน้าของผมดูเด่นขึ้น ผมคิดว่า “พอได้แล้ว” ไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว ซึ่งมันทำให้ผมมีการพูดต่างออกไปด้วย และทำให้ผมเดินแปลกไป ทำอะไรประหลาดๆ เพราะเรามีฟันขนาดจิ๋ว มีการทดลองอะไรอีกหลายอย่าง มันเหมือนกับเงานั้นเปลี่ยนไปเพราะมีฟันจิ๋วเลย

การถ่ายทำในสไตล์บงจุนโฮ

บงเตือนผมตั้งแต่แรกแล้วว่า มันจะค่อนข้างช็อคกับระบบสำหรับนักแสดงเวลาไม่มีการถ่ายภาพรวม.. ต่างจากหนังทุกเรื่องที่เคยร่วมงานมา เป็นการทำงานที่พิเศษไม่เหมือนใคร ตั้งแต่วันแรกเลยก็ว่าได้ เราถ่ายทำประโยคหนึ่งแล้วก็ขยับไปเลย เหมือนเป็นประโยคหนึ่งจากกลางฉาก เราต้องถ่ายทำตามโปรแกรมอย่างรวดเร็ว มันค่อนข้างดีในแง่ของพลัง เวลาที่เรารู้ว่าจะต้องถ่ายทำอะไรแบบนั้น เราก็มีจังหวะของตัวเอง และบงจะตัดต่อไปด้วยในเวลาเดียวกัน เขาเป็นคนเปิดโอกาสพร้อมกับเอามาโชว์ให้ผมเห็น เราจะได้เห็นสิงที่เราแสดงว่ามันลงตัวกับฉากนั้นไหม เป็นการร่วมงานกันดีมาก จนเราไม่รู้สึกตกหล่นอะไรไปเลย

คุณจะเล่าถึงหนังของผู้กำกับฯ บงว่าอย่างไรบ้าง

ที่เห็นชัดคือเรื่องไหวพริบ ผมคิดว่าเขาเป็นผู้กำกับฯ ที่มีไหวพริบมาก ส่วนธีมต่างๆ? แน่นอนว่าเป็นเรื่องความโหดเหี้ยมระหว่างมนุษย์ มันแปลกดีเพราะมันไม่ใช่เรื่องตลก สิ่งที่ทำให้ผมเกิดความสนใจที่สุด นอกจากเรื่องธีมต่างๆ คือเขาทำอะไรกับการแสดงบ้าง เขาเก็บภาพทั้ง 2 ตัวละครนั้นได้อย่างละเอียด จนเรารู้สึกว่าตัวเองอินกับตัวละครไปเลย คนหนึ่งดูเป็นคนดี ส่วนอีกคนเหมือนเป็นด้านมืดของเราที่ปกปิดเอาไว้ ผมคิดว่ามันกลายเป็นธีมในการทำงานของเขาไปแล้ว: มันมักไม่ใช่อย่างที่เราเห็น

MICKEY 17 เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 6 มีนาคมนี้