โวคอลควีน TAEYEON ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ศิลปินเดี่ยว 10 ปี ผ่าน TAEYEON CONCERT - The TENSE in BANGKOK

เล่นคอนกี่ครั้งก็ทำให้ได้ทึ่งกับพลังเสียงและการร้องสมฉายาโวคอลควีนทุกครั้ง และครั้งล่าสุดนี่ก็เช่นกัน TAEYEON (แทยอน) ยังคงส่งมอบการแสดงสดระดับมาสเตอร์พีซ ในคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบครั้งที่หกในไทย TAEYEON CONCERT – The TENSE in BANGKOK เมื่อวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2568 และวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2568 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้ยังทำให้พิแทของเราขึ้นแท่นเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวเกาหลีคนแรกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตเดี่ยว ณ อิมแพ็ค อารีน่า ได้ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 ตบมือสิคะรออะไร!

แทยอนเลือกใช้ชื่อคอนครั้งนี้ว่า The TENSE มากับคอนเส็ปต์ของคำว่า กาล (Tense)’ เพื่อบอกเล่าประวัติศาสตร์ของศิลปินเดี่ยวที่ครบรอบเดบิวต์ 10 ปี ผ่านเซ็ตลิสต์ที่แบ่งปันทุกช่วงเวลาอย่างครบถ้วน ทั้งอดีตที่ผ่านมา ปัจจุบันที่ยืนอยู่บนเวที และอนาคตที่จะก้าวไป พร้อมความพิเศษด้านโปรดักชันที่จัดเต็มทั้งเวที 3 ชั้น, จอแอลอีดีขนาดยักษ์ สูง 10 เมตร กว้าง 46 เมตร, สายพานลำเลียงยาว 6 เมตร, ลิฟต์ 7 ตัว, เลเซอร์ 14 ตัว, ระบบควบคุมการเปลี่ยนสีแท่งไฟออฟฟิเชียล, กระดาษโปรย 8 แบบ โดยมีลวดลายภาพวาดซองจดหมายและข้อความซึ้งๆ จากลายมือของพิแทเองที่มีความหมายว่า ‘วันนี้ได้สร้างความทรงจำใหม่อีกครั้ง♡’ ‘ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันในช่วงเวลานี้’ ‘อย่าลืมนะ จดจำเอาไว้’ ‘TAE YEON NEEDS SNE FOREVER’ แถมพิแทยังล้ำไปอีกก้าวด้วยการคิดน้ำหอมใส่กระดาษโปรย เพื่อให้แฟนๆ ได้จดจำกลิ่นอายเฉพาะของคอนเสิร์ตนี้ ถามว่าเราได้ทั้งกระดาษโปรยและได้กลิ่นใดๆ ไหม คำตอบคือไม่ แต่ไม่เป็นไร แค่พิแทตั้งใจเตรียมมาให้ขนาดนี้ก็ซาบซึ้งด้วยหัวใจแล้วววว และแน่นอนว่ามาพร้อมวงดนตรีสดให้สมความโวคอลควีน

เมื่อเสียงระฆังดังกังวานผสานเสียงดนตรีสะท้อนความยิ่งใหญ่ โวคอลควีนแทยอนก็ปรากฏตัวในชุดเดรสยาวสวยหรูพร้อมความอลังการในเพลง Fabulous โชว์เสียงร้องแบบเต็มๆ ก่อนจะจบเพลงด้วยการก้าวขึ้นบันไดยาวกว่า 6 เมตรอย่างสง่างาม และเมื่อจบวีซีอาร์ที่นำเสนอตัวตนสุดมั่นใจของแทยอนในปัจจุบันที่เดินสวนกับในอดีต เพลงต่อมาจึงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก I เพลงเดบิวต์ที่เป็นจุดเริ่มต้นอันสวยงามในฐานะศิลปินเดี่ยว ตามด้วยเพลงล่าสุด Letter To Myself ที่พิแทร้องให้ฟังครั้งแรกในประเทศไทย ก่อนจะเข้าสู่ช่วงหวานฉ่ำด้วยมวลหมู่ดอกไม้ที่ประดับประดาบนเวทีพร้อมเสียงร้องเพราะๆ ในเพลง Blue Eyes, Make Me Love You, Heaven จากนั้นเสียงกรี๊ดเสียงเชียร์ก็ดังสนั่นหวั่นไหวกับบรรยากาศที่ถูกเปลี่ยนให้ร้อนแรงด้วยไลน์เต้นแซ่บๆ ของเพลง Hot Mess และ Cold As Hell

หนึ่งในไฮไลต์ของคอนครั้งนี้เกิดขึ้นในเพลง INVU ที่พิแทยืนบนเวทียกสูงกลางปีกเหล็กขนาดใหญ่ที่บินลงมาสร้างความตื่นตาตื่นใจ เสริมด้วยการใช้โปรเจกเตอร์ฉายภาพเล่นกับเงาบนผ้าม่านโปร่งแสงยาวกว่า 13 เมตร ในส่วนของความเหนือชั้นด้านเทคนิคการร้องเพลงก็จัดมาไม่ขาดยาวๆ ไปกับเพลงอย่าง 월식 (My Tragedy) ที่สาดคลื่นความเศร้าผ่านเสียงร้องทรงพลัง, Melt Away, To. X และ What Do I Call You ที่ได้ตราตรึงไปกับทักษะการร้องยาวต่อเนื่องและเซ็ตกรอบรูปที่ลอยลงมากลางเวที

แล้วก็เข้าสู่ช่วงสดใสสนุกสนานกันบ้างกับความน่ารักในเพลงจังหวะสนุกสนานที่แฟนๆ ชอบ ทั้ง Weekend, 스트레스 (Stress), Why, 바람 바람 바람 (Baram X 3) ไปจนถึงเพลงฮิตตลอดกาล 사계 (Four Seasons) รวมถึงเพลงที่แทยอนร้องออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบชนิดตะลึงอึ้งเงียบกริบกันทั้งฮอลล์อย่าง Disaster, Ending Credits, Time Lapse, All For Nothing และเพลงที่เป็นไฮไลต์อย่าง Blur ก่อนจะปิดม่านการแสดงไปด้วยเพลง Curtain Call ที่ฉายภาพแฟนๆ ขึ้นเป็นพื้นหลังบนจอ และเพลงที่แฟนๆ คิดถึงอย่าง U R

ครบรอบเดบิวต์ 10 ปีทั้งที วาระดีขนาดนี้ก็แน่นอนว่า S♡NE (โซวอน : ชื่อแฟนคลับอย่างเป็นทางการ) ชาวไทยเตรียมโปรเจกต์มาเซอร์ไพรส์พิแทมากมายเช่นกัน ตั้งแต่การใส่ที่คาดผมเป็นรูปดอกกุหลาบเพื่อบอกรัก และรูป TAENGGEU คาแรกเตอร์ที่ออกแบบโดยแทยอน, แบนเนอร์ที่มีข้อความว่า ‘อดีต ปัจจุบัน อนาคต ไม่ว่าเมื่อไหร่เราก็อยู่กับ TAEYEON’ ‘TAEYEON ขอบคุณที่ร้องเพลงนะ, การชูป้ายที่มีข้อความว่า ’10 years with TAEYEON MY LIFE IS A BEAUTY’ ‘ALWAYS HERE, IN ALL TENSE’ ไปจนถึงการแปรอักษรด้วยกล่องไฟเป็นคำว่า ‘소원 태연 (SNE รัก TAEYEON) ‘👑TY 만세 (TAEYEON จงเจริญ)’

การเดินทางตลอด 10 ปี ปัจจุบัน และอนาคตของศิลปินเดี่ยวของแทยอนได้ถูกร้อยเรียงออกมาผ่าน 25 บทเพลง ตลอดระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมง ถือเป็นอีกครั้งที่พิแทพิสูจน์ให้เห็นถึงสถานะ ‘โวคอล ควีนที่ทุกคนเชื่อใจเหนือกาลเวลา’ และต้องมอบคำขอบคุณสุดพิเศษแด่ S♡NE (โซวอน) ที่คอยอยู่เคียงข้าง เชื่อใจ และสนับสนุนแทยอนทุกช่วงเวลาเสมอมาเสมอไป