นิวไลน์ ซีเนม่า และ แซค เคร็กเกอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานแปลกใหม่อย่าง Barbarian เตรียมส่งมอบผลงานสยองขวัญ/ ระทึกขวัญเรื่องใหม่ Weapons เมื่อเด็กคนหนึ่งในชั้นเรียนเดียวกันหายตัวไปอย่างลึกลับช่วงคืนเดียวกันและเวลาเดียวกัน สังคมพากันตั้งคำถามว่าใครหรืออะไรอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของพวกเขา
ภาพยนตร์นำแสดงโดย จอช โบรลิน, จูเลีย การ์เนอร์, อัลเด็น เอห์เร็นรีช, ออสติน อับรัมส์, แครี่ คริสโตเฟอร์ พร้อมด้วยเบเนดิค หว่อง และ เอมี่ แมดิแกน
จอช โบรลิน รับบท อาร์เชอร์
อาร์เชอร์เป็นพ่อของเด็กนักเรียนชั้นประถม 1 ใน 17 คนที่หายตัวไปในคืนหนึ่ง เมื่อเขารู้สึกว่าไม่มีการดำเนินการค้นหาเด็กๆ อย่างจริงจังพอ เขาจึงเริ่มสืบสวนด้วยตัวเอง
สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจมาร่วมงานใน Weapons
ผมคิดว่าเส้นทางในอาชีพของผม หลังจาก 40 ปี มันทำให้ผมเริ่มมองอะไรต่างไปจากเดิมบ้าง เรื่องนี้ก็โผล่เข้ามา ผมยังไม่ได้ดู Barbarian แต่ผมได้อ่านบท Weapons แล้วรู้สึกว่าบทหนังออกแบบมาได้น่าสนใจและน่าดึงดูดมาก ผมอ่านซ้ำไปซ้ำมา แต่ตอนแรกผมหาเหตุผลไม่เจอที่จะเล่น ผมก็คิดว่า “ไม่เอาดีกว่า” แต่ทุกครั้งที่กลับไปอ่าน มันกลับยิ่งน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นผมได้เจอกับแซ็ค และรู้สึกว่าเขาเป็นคนเปิดเผยเหมือนหนังสือเล่มหนึ่งเลย เขาเหมือนบอกว่า “นี่แหละฉัน นี่คือชีวิตของฉัน นี่คือสิ่งที่ผมผ่านมา นี่คือที่มาของบทนี้” ซึ่งตรงนี้แหละที่น่าสนใจมาก เพราะเขาเล่าให้ฟังตั้งแต่เจอครั้งแรก แล้วขยายความอีกเมื่อเจอกันครั้งต่อไป—ว่าตัวละครแต่ละตัวแทนส่วนหนึ่งของเขาที่กำลังรับมือกับการสูญเสียเพื่อนสนิทคนนึงไป ผมรู้สึกสะเทือนใจมากกับเรื่องนี้
มันเลยกลายเป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับผม แต่ในมุมมองของมืออาชีพ บทหนังนั้นยอดเยี่ยมมาก เพราะมันทำให้ผมนึกถึงหนังของอิญญาริตูยุคแรกๆ กับกีเยร์โม อาร์ริอากา—หนังแนวที่ผมชอบมากๆ ผมคิดว่า “ผมชอบที่ผู้กำกับคนนี้ได้รับอิทธิพลจากคนเก่งๆ แล้วนำมาปรับใช้เป็นของตัวเอง” แล้วผมก็ได้ดู Barbarian จริงๆ และผมชอบมันมาก
เขาเป็นผู้กำกับที่มีความรู้สึกละเอียดอ่อนมาก เพราะความอ่อนไหวนี้เอง ทำให้เขาใส่ใจอยู่กับงานอย่างเต็มที่ และอยากให้หนังยังคงความเป็นส่วนตัวสำหรับตัวเขาเอง ผมชอบความกดดันแบบนี้ มากกว่าคนที่แค่ทำหนังเพื่อหาเงินเยอะๆ เราทุกคนก็อยากทำเงินเยอะ แต่นี่สำหรับเขามันคือเรื่องส่วนตัวจริงๆ
อาร์เชอร์คือใคร
ผมคิดว่าอาร์เชอร์เป็นตัวแทนของคนธรรมดาในยุคปัจจุบัน คนที่มักมีความรู้สึกไม่พอใจสะสมอยู่ข้างใน แต่ไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยการหาทางแก้ไขอะไรจริงจัง แต่อยู่กับปัญหาที่วนเวียนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะถูกหรือผิด วิธีที่เขาจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ มักจะเป็นทางเลือกที่แย่ที่สุด
และนั่นก็โอเคนะ เพราะมันคือสิ่งที่ต้องมี มันสะท้อนภาพของตอนเช้าวันหนึ่งที่คุณตื่นขึ้นมาแล้วคิดว่า “มนุษยชาติเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย?” แต่พอเวลาผ่านไปในวันนั้น คุณก็จะเจอสิ่งที่ทำให้คิดว่า “พวกเราก็ไม่ได้เลวร้ายทั้งหมดนี่นา” อาร์เชอร์คือตัวแทนของตอนเช้าวันนั้น ที่คุณตื่นขึ้นมาแล้วคิดว่า “มนุษยชาติเป็นอะไรไปเนี่ย?” เขาคือตรงกลางของปัญหานั้นเลย
แต่ผมคิดว่ามีบางช่วงที่เราเห็นความถ่อมตัวเริ่มแทรกเข้ามา เมื่อเขาคิดว่าเห็นลูกชายตัวเอง เขาก็เกือบจะสลายและพูดว่า “ผมจะเป็นพ่อที่ดีขึ้น และจะเป็น…” ผมว่าช่วงเวลานั้นคือความหวังเล็กๆ คุณจะรู้ตัวว่า “โอ้ ผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะวัฒนธรรมหรือสังคมหรืออะไรก็ตาม เขาสร้างกำแพงชั้นแล้วชั้นเล่าของสิ่งที่ไม่จำเป็นขึ้นมา” แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็แค่พ่อคนหนึ่งที่ต้องการลูกกลับมา และอยากทำตัวให้ดีขึ้น
จูเลีย การ์เนอร์ รับบท จัสทีน
จัสทีนเป็นครูประถมที่เดินเข้าห้องเรียนในเช้าวันหนึ่ง และพบว่านักเรียนทั้งหมดของเธอหายไปหมด ยกเว้นคนเดียว ด้วยความเห็นใจต่อนักเรียนและเพราะชื่อเสียงส่วนตัวของเธอเอง จัสทีนจึงเริ่มสืบสวนการหายตัวไปของเด็กๆ ด้วยตัวเอง
สิ่งที่ดึงดูดให้มาร่วมงานโปรเจกต์นี้
ฉันเป็นแฟนตัวยงของ Barbarian แล้วก็ได้อ่านบทนี้ มันแปลกใหม่มาก ฉันไม่เคยอ่านอะไรแบบนี้มาก่อน และฉันรู้สึกว่าสิ่งที่แปลกใหม่นั้นยิ่งหายากขึ้นทุกวัน และการรวมทีม นักแสดงทั้งหมด การเขียนบทและกำกับโดยแซ็ค รวมถึงคนที่เกี่ยวข้อง… มันง่ายแค่นั้นเองค่ะ
ตอนที่ฉันเจอแซ็ค ฉันคิดว่าเขาเป็นคนใจดีมาก ก่อนอื่นเลย เขาเป็นคนที่มีน้ำใจที่สุด คนแรกที่เจอคือรู้เลยว่าเขามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และมีทิศทางที่ชัดเจน ซึ่งสำหรับฉันนั่นสำคัญมาก คุณอาจคิดว่าผู้กำกับทุกคนจะตรงไปตรงมา แต่บางครั้งมันก็ไม่ใช่แบบนั้น แซ็คตรงไปตรงมาและทำด้วยความสุภาพ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณจะเจอได้ทุกวันเช่นกัน
ฉันกลัวง่ายมากเลยนะ แต่ฉันคิดว่า Barbarian มีโทนที่น่าสนใจมาก มันน่ากลัวชัดเจน แต่ก็มีความตลกมากด้วย ซึ่งฉันชอบนะ ฉันไม่คิดว่าสิ่งต่าง ๆ ต้องเป็นแค่โทนเดียว มันสามารถมีหลายโทนได้ สไตล์การทำหนังของแซ็คมีความตลกแทรกอยู่เยอะ ฉันรู้สึกว่าตลกกับสยองขวัญเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน ถ้าไม่มีช่วงเวลาตลก ๆ คลายเครียด ก็ไม่มีทางทำหนังสยองขวัญที่ดีได้ จริง ๆ แล้ว ฉันคิดว่าสิ่งนี้สำคัญกับทุกแนวหนังด้วยซ้ำ ในบทของ Weapons มีความสมจริง แต่ก็มีความเหนือจริงด้วย มันเหมือนภาพวาดของดาลี ฉากและบรรยากาศดูสมจริงมาก… แต่ก็มีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้น ซึ่งทำให้มันกลายเป็นแนวเหนือจริงในแบบของมันเอง
Weapons คือ…
ฉันคิดว่า แปลกดีนะ หนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่หนังสยองขวัญเท่านั้น มันอาจฟังดูแปลกมาก แต่มันก็เป็นเรื่องราวความรักด้วย และสิ่งที่ฉันหมายถึงเรื่องราวความรักก็คือ มันเกี่ยวกับคนที่อยากเชื่อมต่อกับใครสักคน แต่ไม่รู้วิธีจะทำอย่างไร อย่างน้อยสำหรับตัวละครจัสทีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นส่วนสำคัญในเส้นเรื่องของเธอ และบ่อยครั้ง คนที่ดื่มเหล้า ก็มักกำลังมองหาการเชื่อมต่อกับใครสักคนแต่หาไม่ได้ จึงหันไปพึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
หนังเรื่องนี้จริงๆ คือเรื่องของความต้องการที่จะถูกรัก ถูกชอบ หรืออยากมีความสัมพันธ์ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงหรือทำยังไงถึงจะได้สิ่งเหล่านั้น
ความซับซ้อนของจัสทีน
ฉันคิดว่าตอนที่คนเรากำลังอยู่ในช่วงชีวิตที่ต่ำ มันจะมีความสงสัยเยอะมาก และนั่น… ฉันไม่อยากจะบอกว่ามันแพร่เชื้อได้ แต่ฉันคิดว่าสำคัญที่ผู้ชมจะต้องเข้าหาจัสทีนด้วยความสงสัยเล็กน้อย เพราะนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้ชม
เธออยากเชื่อมต่อและอยากถูกรัก แต่เธอกลับรู้สึกว่าเธอไม่น่ารักพอ เธอพยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่ก็ยังรู้สึกว่ายังไม่พอ ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ที่เธอมีต่อนักเรียนในห้อง เวลาเป็นครู คุณจะได้รับการยืนยันในทันที และนั่นทำให้เธอมีความมั่นคง ฉันคิดว่าเธอไม่ได้มาจากครอบครัวที่มั่นคง มีความแน่นอนมากนัก เลยทำให้เธอมักจะคิดถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุดก่อนทันที แต่ฉันรู้สึกว่าเด็กๆ เป็นเหมือนพื้นฐานที่ยึดเหนี่ยวเธอ และให้ความหมายกับชีวิตเธอ ทันทีที่เธอสูญเสียสิ่งนั้น เธอจะรู้สึกไร้ทิศทาง ไร้จุดหมาย และเหมือนชีวิตเธอจบลงแล้ว และเธอก็สิ้นหวัง มันตลกสำหรับฉันตรงที่เธอคิดว่าเธอปกติมากกว่าที่เป็นจริง เธอคิดว่า “โอ้ ฉันมั่นคงมากเลยนะ” แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เธอยังหงุดหงิดง่ายด้วย ซึ่งฉันก็คิดว่ามันน่าสนุก บางครั้งเธอก็ปกติดี แล้วอยู่ ๆ ก็ระเบิดออกมา และนั่นเป็นสิ่งที่เล่นสนุกมาก
การถ่ายทำ Weapons
ทุกคนในทีมแสดงและทีมงานน่าทึ่งมาก มันเป็นความสุขจริงๆ ที่ได้อยู่ที่วีดีโอวิลเลจทุกวัน เพราะมันสนุกมากที่จะได้ดู และนั่นไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยๆ เวลาที่คุณไปที่กองถ่ายแล้วอยากจะนั่งดูหนังที่กำลังถ่ายทำ คุณจะคิดว่า “หนังเรื่องนี้จะออกเมื่อไหร่เนี่ย? มันยอดมากเลย” งานแบบนี้ทำให้เธอโชคดีมากที่ได้ทำในสิ่งที่รัก ทุกคนใจดีและน่ารักมาก นี่แหละคืองานที่สำคัญ เพราะนอกจากทุกคนจะมีความสามารถและเก่งในสิ่งที่ทำแล้ว พวกเขายังเป็นคนที่จริงใจมากๆ ด้วย
ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ที่มีเรื่องราวต้นฉบับด้วย ผู้กำกับเขียนบทเอง และมันเป็นเรื่องราวที่แปลกใหม่ ซึ่งปัจจุบันหาได้ไม่ค่อยง่ายแล้ว และยังได้ร่วมงานกับนักแสดงที่สุดยอดมากมาย ทุกวันจะมีอย่างน้อยสักครั้งที่ฉันต้องหยิกตัวเองเพื่อเตือนว่า “โอเค เธอไม่ได้แค่นั่งดูนะ แต่เธอกำลังแสดงในซีนนี้อยู่” และมันเป็นความสุขมากที่ได้ดูวิธีการทำงานของแซค ฉันคิดว่าเขามีพรสวรรค์มาก และฉันรักการทำงานกับเขา
อัลเดน เอเรนไรช์ รับบท พอล
พอลเป็นตำรวจที่โดยบังเอิญต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสืบสวนการหายตัวไปของนักเรียนประถมในขณะที่เขากำลังต่อสู้กับปัญหาส่วนตัวของตัวเองอยู่
จุดดึงดูดของ Weapons
ผมไม่ใช่คนที่ชอบหนังสยองขวัญเท่าไหร่ ผมไม่ค่อยดูหนังแนวนี้เลย และก็ไม่เคยมีความอยากอยากจะเล่นหนังสยองขวัญด้วยซ้ำ แต่ตอนที่ผมอ่านบทนี้ รู้สึกว่ามันมีความเป็นส่วนตัวและความเป็นมนุษย์ลึกซึ้งในตัวละครและในแนวหนัง มันรู้สึกเหมือนมีชีวิตชีวาและน่าดึงดูดมากกว่าบทหนังหลายๆ เรื่องที่ผมเคยอ่านมา แม้แต่บทหนังที่ไม่ใช่แนวเดียวกัน ผมเลยชอบมันมาก
ผมรู้สึกว่าเรื่องราวน่าดึงดูดใจมาก ผมคิดว่ามันไม่เหมือนกับอะไรที่ผมเคยเห็นมาก่อน และคุณจะรู้ได้เลยจากตัวละครเหล่านี้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ ว่าผู้สร้างได้จินตนาการชีวิตเต็มรูปแบบให้กับตัวละครแต่ละตัว ภาพยนตร์เรื่องนี้ติดตามตัวละครแต่ละตัวอย่างละเอียด รวมถึงเหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้น แต่จริงๆ แล้วมันเป็นหนังที่เน้นไปที่ภาระทางจิตใจและอารมณ์ และวิธีที่ภาระเหล่านั้นถูกนำขึ้นมาเมื่อเกิดเหตุการณ์เด็กหายตัวไป
เรื่อง Barbarian น่ากลัวมาก รบกวนจิตใจและแตกต่างออกไปจริงๆ ผมคิดว่านั่นแหละที่ทำให้คนรู้สึกตื่นเต้นกับหนังเรื่องนี้—เพราะมันมีบางอย่างที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย ผมอ่านบทก่อนที่ได้ดู Barbarian และเมื่อเราได้พูดคุยกัน ผมเริ่มเข้าใจว่านี่คือวิธีที่แซคทำงาน—เขาทำงานจากพื้นที่ส่วนตัวมากในแนวหนังนี้ และผมคิดว่าสิ่งนั้นรวมกันกลายเป็นอะไรที่รู้สึกไม่เหมือนใคร เพราะมันเฉพาะเจาะจงกับตัวเขา ดังนั้น ความแปลกใหม่ของมันคือสิ่งที่ผมคิดว่าน่าตื่นเต้นที่สุด
และเรื่อง Weapons ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับความแปลกใหม่เดียวกันนี้ แต่มาในขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาก ซึ่งครอบคลุมและตีความได้กว้างกว่า มันเต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย และในแต่ละเรื่องราว คุณจะรู้สึกได้ว่าทุกคนรู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังเล่นฉากที่มีความสำคัญและหนักแน่นต่อเรื่องราวจริงๆ ทุกวัน ไม่มีอะไรที่เป็นแค่ฉากเติมเต็ม มันเหมือนมื้ออาหารเต็มรูปแบบ คุณได้เห็นตัวละครหลากหลาย ความสัมพันธ์ที่ต่างกัน และเรื่องราวที่แตกต่างกัน และโครงสร้างของเรื่องราวก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ดังนั้นผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างแท้จริงที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน
ตัวละครพอล
ส่วนใหญ่ของเรื่องราวของพอลจริงๆ แล้วแทบจะไม่เกี่ยวกับเด็กที่หายตัวไปเลย ตามที่แซคบอก มันเป็นเรื่องของคนที่เพิ่งเลิกดื่มและตื่นขึ้นมาในชีวิตที่เขาไม่พอใจ และต้องเผชิญกับความรู้สึกเหล่านั้น รวมถึงความหงุดหงิดกับสิ่งต่างๆ ในชีวิต ในแง่หนึ่ง มันอาจเป็นหนังที่เขียนบทได้ดีมากและเน้นตัวละครเป็นหลัก และผมคิดว่าบางเรื่องที่แซคได้รับแรงบันดาลใจก็เป็นแบบนั้น แล้วสิ่งที่เจ๋งเกี่ยวกับองค์ประกอบสยองขวัญก็คือ เมื่อมันรวมกัน มันก็รู้สึกเป็นส่วนตัวมาก รู้สึกเหมือนฝันร้ายที่เกิดจากจิตใจและจิตวิญญาณของเขาเอง ไม่ใช่แค่ “โอ้ หาอะไรเท่ๆ ทำกัน” มันเหมือนกับว่ามาจากที่ลึกที่สุดภายในใจ
การระบุตัวตนกับโลก และความโดดเดี่ยวของตัวละคร
ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Weapons น่ากลัวมากขึ้นคือ มันเกิดขึ้นในโลกที่คุณรู้สึกคุ้นเคย เหมือนเป็นโลกของคุณเอง เกิดขึ้นกับผู้คนที่คุณรู้จักหรือรู้สึกว่าเหมือนคนรอบตัวคุณ อีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นมาก ซึ่งผมเองก็ไม่ได้สังเกตจริงๆ จนกระทั่งได้ไปอยู่ในกองถ่ายและเริ่มถ่ายทำ—นอกเหนือจากประเด็นอื่นๆ ในหนัง—คุณจะเห็นได้ว่าแต่ละคนในแต่ละบท แต่ละเรื่องราวนั้น โดดเดี่ยวมาก ทุกคนเหมือนต้องเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองทั้งหมด
คือผมมีฉากที่สำคัญร่วมกับตัวละครของจัสติน กับออสติน มีบทสนทนาเยอะพอสมควร แต่ถ้าไม่นับฉากเหล่านั้น ก็แทบไม่มีฉากที่ตัวละครนั่งคุยกันที่โต๊ะอาหารกับสามีหรือภรรยา หรือพูดคุยกันเพื่อแก้ปัญหาหรือความขัดแย้ง ทุกคนต่างพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมือง และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิตของตัวเอง ณ ขณะนั้น และพวกเขาก็ต้องทำมันอย่างโดดเดี่ยวล้วนๆ
*WEAPONS เข้าฉาย 7 สิงหาคม ในโรงภาพยนตร์