Dean DeBlois กับภารกิจสร้างฮิคคัพและเขี้ยวกุดเวอร์ชั่น Live Action ใน How to Train Your Dragon

How to Train Your Dragon เวอร์ชั่น Live Action เขียนบท, อำนวยการสร้าง และกำกับโดย ดีน เดอบลัวส์ และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Filmed For IMAX® ซึ่งจะมอบเทคโนโลยีไอแม็กซ์ให้กับผู้กำกับเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถส่งมอบประสบการณ์ภาพยนตร์ที่คนดูจะอินไปกับภาพยนตร์ได้มากที่สุดให้กับคนดูทั่วโลก

นี่คือความมหัศจรรย์ที่สุดจะพรรณนากับการได้เห็นเหล่ามังกรลุกขึ้นมามีชีวิตบนจอภาพยนตร์ โดยเป็นการผสมผสานเรื่องราวตำนานกับความมหัศจรรย์ที่สื่อไปถึงความเป็นเด็กในตัวพวกเราทุกคน มีเรื่องราวอยู่น้อยเรื่องมากที่จะสามารถนำเสนอความมหัศจรรย์นี้ออกมาได้อย่างเชี่ยวชาญเท่ากับผลงานแฟรนไชส์ของดรีมเวิร์กส์ แอนิเมชั่น เรื่อง How to Train Your Dragon ซึ่งดัดแปลงมาจากหนังสือชุดเบสต์เซลเลอร์ของเครสซิดา โคเวลล์ นับแต่เปิดตัวภาพยนตร์ Dragon ภาคแรกในปี 2010 ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่องงนี้ได้ให้ความหมายใหม่กับการเล่าเรื่องราวผ่านงานแอนิเมชั่น ซึ่งเป็นการหลอมรวมเอางานศิลปะและอารมณ์เข้าด้วยกันได้อย่างพิเศษสุด นอกเหนือจากการได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมและกวาดรายได้จนประสบความสำเร็จแล้ว ภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่องนี้ยังกลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม เปลี่ยนแปลงเรื่องราวตำนานโบราณให้กลายเป็นเรื่องที่ผูกพันกับความเป็นมนุษย์ยุคสมัยใหม่ได้อย่างลึกซึ้ง บัดนี้ เมื่อเรื่องราวนี้ถูกนำมาจินตนาการใหม่อีกรอบในเวอร์ชั่นที่ใช้คนแสดง งานนี้ต้องขยายอาณาจักรนี้ พร้อมสำรวจความลึกซึ้งในการสร้างสรรค์ความคิดใหม่ๆ ขณะที่ทำให้เหล่ามังกรดูจับต้องได้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็น

Mason Thames (right) as Hiccup with his Night Fury dragon, Toothless, in Universal Pictures’ live-action How to Train Your Dragon, written and directed by Dean DeBlois.
(from left) Night Fury dragon, Toothless, and Hiccup (Mason Thames) in Universal Pictures’ live-action How to Train Your Dragon, written and directed by Dean DeBlois.

 

ผู้นั่งแท่นกุมบังเหียนผู้กำกับก็คือ มือเขียนบท-ผู้กำกับ และผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสามรางวัลออสการ์ ดีน เดอบลัวส์ ผู้ดูแลงานสร้างของ How to Train Your Dragon มายาวนานกว่าหนึ่งทศวรรษ และมันได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นสุดยอดฝีมือในการผลักดันขอบเขตในการเล่าเรื่อง ผลงานก่อนหน้านี้ของเดอบลัวส์ที่ทำงานให้กับดิสนีย์ รวมถึงการเล่าเรื่องได้อย่างอบอุ่นหัวใจของ Lilo & Stitch ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาที่จะเผยความจริงที่เป็นสากลในสถานที่ที่คาดไม่ถึง กับ Dragon เขาได้สร้างงานไตรภาคที่ทวีความทะเยอทะยานมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละตอน นำเสนอธีมเกี่ยวกับความภักดี ตัวตน และความกล้าหาญที่จะแตกต่างจากคนอื่นๆ โดยที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งความรู้สึกมหัศจรรย์ที่ทำให้เกิดความตื่นเต้นและจับจิตจับใจคนทั่วโลก 

“ผมตัดสินใจที่จะกลับมาเยือน How to Train Your Dragon อีกครั้ง เพราะมันคือโอกาสที่น่าทึ่งครับ ไม่ใช่แค่ได้มากำกับภาพยนตร์ที่ใช้คนแสดงเท่านั้น แต่ยังได้กลับสู่โลกที่ผมคิดถึงอย่างมากด้วย” เดอบลัวส์กล่าว “ตัวละครเหล่านี้ และจักรวาลนี้ยังคงอยู่กับผมมาตลอด ตอนนี้ เรามีโอกาสได้นำมันกลับมาพร้อมกับความเหมือนจริง และความเชื่อมั่นที่ว่า เมื่อคนดูก้าวสู่โลกนี้ พวกเขาจะไม่มีวันอยากจากไปเลยครับ”

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นบนเกาะเบิร์ก ซึ่งเป็นด่านหน้าของชาวไวกิ้งที่ติดอยู่ในความขัดแย้งกับพวกมังกรที่มีมาแต่โบราณ ณ ที่แห่งนี้ เราได้พบกับ ฮิคคัพ หนุ่มน้อยไวกิ้งที่ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและจินตนาการของเขา ได้นำตัวเขาเองไปสู่การท้าทายความเกลียดชังที่ฝังลึกที่พวกพ้องของเขามีต่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เมื่อโชคชะตานำพาเขาไปเจอกับเจ้าเขี้ยวกุด มังกรไนต์ฟิวรี่ที่ได้รับบาดเจ็บ ฮิคคัพตัดสินใจที่จะช่วยมังกรตัวนี้แทนที่จะทำร้าย การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งต่อทั้งสองโลก

(from left) Fishlegs (Julian Dennison) and Hiccup (Mason Thames) in Universal Pictures’ live-action How to Train Your Dragon, written and directed by Dean DeBlois.
(from left) Snotlout (Gabriel Howell), Tuffnut (Harry Trevaldwyn), Astrid (Nico Parker), Ruffntut (Bronwyn James), Fishlegs (Julian Dennison) and Gobber (Nick Frost) in Universal Pictures’ live-action How to Train Your Dragon, written and directed by Dean DeBlois.

มาร์ค แพล็ตต์ ผู้อำนวยการสร้างผู้มีประสบการณ์ และเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสี่รางวัลออสการ์ ได้ทำงานประสานอย่างใกล้ชิดกับ เดอบลัวส์ เพื่อนำเรื่องราวสุดทะเยอทะยานนี้ให้ลุกขึ้นมามีชีวิต “ดีนใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ และอยู่กับตัวละครเหล่านี้ครับ” แพล็ตต์กล่าว “เขาเข้าใจดีเลยว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้การเดินทางของ ฮิคคัพ มีความน่าสนใจน่าติดตาม เขามีความเข้าใจโดยธรรมชาติถึงความขัดแย้งภายในใจและความกล้าหาญของตัวละครตัวนี้ ซึ่งทำให้เขาสามารถบอกเล่าเรื่องราวนี้ได้อย่างสมจริงที่สุด นั่นคือสิ่งสำคัญมากเมื่อคุณกำลังดัดแปลงเนื้อหาเรื่องราวที่เป็นที่รักขนาดนี้ครับ” 

วิธีการทำงานของเดอบลัวส์เป็นการผสมผสานปรากฏการณ์อันน่าเกรงขามเข้ากับความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่ลึกซึ้ง “ผมมักจะสนใจเรื่องราวที่ถักทอความหมายเข้าไปในช่วงเวลาที่น่ามหัศจรรย์ครับ” เดอบลัวส์กล่าว How to Train Your Dragon เป็นเรื่องเกี่ยวกับการค้นหาความกล้าหาญที่จะมองข้ามความกลัวและแบบแผน การเดินทางของฮิคคัพแสดงให้เราเห็นถึงพลังของการตั้งคำถามในสิ่งที่เราถูกสั่งสอนมา และยอมรับในความเป็นไปได้ของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า เขาถูกล้อเลียน ถูกเยาะเย้ย และถูกเข้าใจผิด แต่เขายังคงยึดมั่นกับความมั่นใจของเขา นั่นคือสิ่งที่ทำให้เรื่องราวของเขามีความเป็นสากลมากครับ”

(from left) Writer-director Dean DeBlois, Mason Thames and Nico Parker on the set of Universal Pictures’ live-action How to Train Your Dragon.
Stoick (Gerard Butler) in Universal Pictures’ live- action How to Train Your Dragon, written and directed by Dean DeBlois.

สำหรับผู้ประพันธ์อย่าง เครสซิดา โคเวลล์ รากฐานของเรื่องราวนี้มีความเป็นส่วนตัวจนน่าประหลาดใจ “มันอาจตลกที่จะพูดแบบนี้ แต่ How to Train Your Dragon มีความเป็นอัตชีวประวัติสูงมากค่ะ” โคเวลล์กล่าว “เกาะเบิร์กก็อิงจากสถานที่จริง สมัยยังเด็ก ครอบครัวของฉันเคยไปใช้เวลาในช่วงหน้าร้อนอยู่บนเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ นอกชายฝั่งตะวันตกของสก็อตแลนด์ ที่นั่นไม่มีถนน ไม่มีไฟฟ้า มีแค่ความทุรกันดาน ดังนั้น พวกเราเลยใช้เวลาหลายอาทิตย์นั้นในการสำรวจเกาะ จับปลา และปีนป่ายหน้าผา ส่วนนี้ของสก็อตแลนด์คือที่แรกที่พวกไวกิ้งขึ้นฝั่งเมื่อพวกเขาบุกอังกฤษ และเป็นสถานที่สุดท้ายที่พวกเขาจากไป พวกเขาเชื่อว่ามังกรมีอยู่จริง และการที่ฉันเติบโตมาท่ามกลางประวัติศาสตร์และความโดดเดี่ยวนั้น มันช่วยไม่ได้ที่ฉันจะจินตนาการว่ามีมังกรบินอยู่เหนือหัว หรือมีเรือไวกิ้งปรากฎให้เห็นที่ขอบฟ้าไกล”

หัวใจสำคัญในการนำเสนอเรื่องราวนี้ของเดอบลัวส์ ก็คือการสำรวจความตึงเครียดระหว่างขนบธรรมเนียมและการเปลี่ยนแปลง “ในหนังสือของเครสซิดา พวกไวกิ้งและมังกรมีประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนร่วมกันครับ พวกเขาเป็นทั้งศัตรูและพันธมิตรกัน” เดอบลัวส์กล่าว “เรื่องราวของเรามุ่งเน้นที่ช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์นั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ฮิคคัพกลายเป็นคนแรกที่หลุดพ้นจากขนบธรรมเนียมของคนในกลุ่มของเขา และมองว่ามังกรไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพ มันคือก้าวกระโดดแห่งศรัทธาที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไปครับ”

(from left) Hiccup (Mason Thames) and Astrid (Nico Parker) in Universal Pictures’ live-action How to Train Your Dragon, written and directed by Dean DeBlois.

การขยายขอบเขตของโลกบนเกาะเบิร์กออกไป คือสิ่งสำคัญสำหรับทีมผู้สร้าง “เราต้องการให้เบิร์กให้ความรู้สึกเหมือนเป็นทางแยกที่แท้จริงสำหรับวัฒนธรรมของไวกิ้งครับ” อดัม ซีเกล ผู้อำนวยการสร้างเจ้าของรางวัลเอ็มมี่กล่าว “จากการค้นคว้าของเรา และผลงานที่ดีนทำเอาไว้กับภาพยนตร์แฟรนไชส์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ เราค้นพบว่าตำนานเกี่ยวกับมังกรมีอยู่ในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก มันทำให้เรามีโอกาสที่จะดึงเอาอิทธิพลจากหลายขนบธรรมเนียมมา และทำให้โลกนี้ให้ความรู้สึกที่มีความหลากหลายมากขึ้น และมีความเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้นด้วยครับ”

สำหรับเดอบลัวส์ มุมมองระดับโลกนี้ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับการเล่าเรื่องอย่างมาก “เราจินตนาการว่าพวกไวกิ้งแห่งเกาะเบิร์ก ได้เดินทางไปไกลมาก พวกเขาได้เผชิญกับเหล่านักรบ และตำนานจากเกาะอื่นๆ” เดอบลัวส์กล่าว “ด้วยการนำเอาขนบธรรมเนียมเหล่านี้มาผสมเข้าด้วยกัน เราได้สร้างโลกที่ภัยคุกคามจากพวกมังกรทำให้ผู้คนที่มีความเป็นมาแตกต่างกันอย่างมากมารวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน มันเป็นเรื่องของการค้นหาจุดที่มีร่วมกันในการเผชิญหน้ากับความกลัวครับ”

(from left) Hiccup (Mason Thames) and Night Fury dragon, Toothless, in Universal Pictures’ live-action How to Train Your Dragon, written and directed by Dean DeBlois.

การทำให้มังกรให้ความรู้สึกเหมือนเป็นมังกรจริงๆ คือพลังที่ขับเคลื่อนทุกแง่มุมของงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ “กุญแจสำคัญก็คือการทำให้มังกรมีพฤติกรรมแบบสัตว์ที่เราคุ้นเคยครับ” เดอบลัวส์อธิบาย “ด้วยการดึงแรงบันดาลใจมาจากแมว หมา ม้า และสัตว์อื่นๆ เราได้สร้างสิ่งมีชีวิตที่ให้ความรู้สึกเหมือนจริง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ในจินตนาการก็ตาม มังกรแต่ละตัวจะมีบุคลิคเฉพาะตัว และพวกมันก็อาศัยอยู่ในโลกจริงๆ  เป้าหมายของเราก็คือการทำให้คนดูเชื่อในตัวมังกรเหล่านี้ เหมือนที่พวกเขาเคยเชื่อในพวกไดโนเสาร์จากภาพยนตร์ Jurassic Park ครับ”

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ความเสมือนจริงเหล่านี้เป็นไปได้ “มังกรแอนิเมชั่นที่เราเคยเห็นก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วครับ แต่เทคโนโลยีทุกวันนี้ทำให้เราได้ภาพที่เหมือนจริงที่เต็มไปด้วยรายละเอียดในแบบที่ไม่มีใครเทียบได้ จากวิธีที่พวกมันเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ พื้นผิวที่เล็กที่สุดในเกล็ดของพวกมังกร หรือรายละเอียดที่มีความละเอียดอ่อนในดวงตาของพวกมัน” แพล็ตต์กล่าว “ดีนคือผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการสร้างสิ่งมีชีวิตที่เหมือนจริง และสะท้อนอารมณ์ได้จริงๆ ครับ และในครั้งนี้ เขามีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทำให้เห็นถึงจินตนาการของเขาได้อย่างเต็มที่ครับ”

ภูมิทัศน์ก็กลายมาเป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่องชิ้นสำคัญ “สภาพแวดล้อมจริงๆ ช่วยเพิ่มทั้งน้ำหนักและความน่าเชื่อครับ” ซีเกลกล่าว “เมื่อคุณเห็นตัวละครอยู่ขอบหน้าผา คุณจะรู้สึกถึงเดิมพันได้ในทันที เพราะโลกรอบๆ ตัวพวกเขาเป็นสิ่งที่จับต้องได้ กฎของฟิสิกส์มีผลในทันที มันกลายเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากสำหรับพวกเราครับ”

สำหรับโคเวลล์ การได้เห็นผลงานการสร้างสรรค์ของเธอมีชีวิตขึ้นมาด้วยรายละเอียดที่แสนสดใสนั้น สร้างความประทับใจให้กับเธออย่างสุดซึ้ง “การเดินผ่านหมู่บ้านเบิร์ก หรือเดินเข้าไปในโรงตีเหล็ก มันเหมือนการเดินเข้าไปในความฝันเลยค่ะ” โคเวลล์บอก “การใส่ใจในรายละเอียด การสึกหรอของเครื่องมือต่างๆ ไม้ที่ผุกร่อนของตัวอาคารต่างๆ ทำให้ทุกอย่างดูมีชีวิตจริงๆ มันพิเศษมากจริงๆ ค่ะ”

(from left) Astrid (Nico Parker), Hiccup (Mason Thames) and Night Fury dragon, Toothless Universal Pictures’ live-action How to Train Your Dragon, written and directed by Dean DeBlois.
(from left) Night Fury dragon, Toothless, and Hiccup (Mason Thames) in Universal Pictures’ live-action How to Train Your Dragon, written and directed by Dean DeBlois.

การทำงานที่สุดพิถีพิถันนี้ได้สร้างมิติใหม่ๆ ให้กับแก่นกลางทางอารมณ์ของเรื่องนี้ “How to Train Your Dragon ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่งดงามเหล่านี้เท่านั้นครับ” แพล็ตต์กล่าว “มันเป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เข้ากับสถานที่ที่เขาอยู่ไม่ได้ เป็นคนที่ความผูกพันกับมังกรตัวหนึ่งได้เปลี่ยนแปลงโลกของทั้งคู่ไปเลย ด้วยงานดัดแปลงชิ้นนี้ เราสามารถสำรวจความสัมพันธ์ของ ฮิคคัพ ได้มากขึ้น โดยเฉพาะความซับซ้อนของความสัมพันธ์ของเขากับพ่อ”

การผสมผสานระหว่างช่วงเวลาที่ใกล้ชิดของตัวละครและฉากแอ็กชั่นที่มีอยู่ตลอด คือสิ่งที่กำหนดเอกลักษณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ “ตอนที่ผมได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick มันโดนใจผมมาก นี่คือความรู้สึกที่เราอยากทำให้เกิดขึ้นครับ” แพล็ตต์กล่าว “ความสนุกแบบนั้น ความรู้สึกถึงภาวะไร้น้ำหนัก เพียงแต่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับมังกร การถ่ายทำในสถานที่ที่งดงาม ที่มาพร้อมทิวทัศน์อันกว้างใหญ่และน่าทึ่ง ทำให้เราต้องสร้างภาพที่เหมือนจริงที่เข้ากันกับปรากฏการณ์นี้ เราต้องการให้คนดูรู้สึกราวกับว่าพวกเขาไปอยู่ตรงนั้นเอง พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าบนหลังของสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่งเหล่านี้ครับ”

Hiccup (Mason Thames) and Monstrous Nightmare in Universal Pictures’ live-action How to Train Your Dragon, written and directed by Dean DeBlois.
Terrible Terror in Universal Pictures’ live-action How to Train Your Dragon, written and directed by Dean DeBlois.
(from top) Astrid (Nico Parker), Hiccup (Mason Thames) and Night Fury dragon, Toothless Universal Pictures’ live-action How to Train Your Dragon, written and directed by Dean DeBlois.

ขณะที่ทีมผู้สร้างทำให้โลกในจินตนาการลุกขึ้นมามีชีวิต พวกเขาทุ่มเทให้กับการจับหัวใจที่เต้นแรงของเรื่องราวนี้อีกครั้ง “การเดินทางของฮิคคัพแสดงให้เราเห็นถึงพลังของความเข้าใจครับ” ซีเกลกล่าว “ตอนที่เขาเอื้อมมือออกไปและแตะจมูกของเจ้าเขี้ยวกุดครั้งแรก มันเป็นมากกว่าแค่เด็กชายคนหนึ่งได้ผูกพันกับมังกร มันคือโลกสองโลกที่มาผูกพันกัน และทำลายความไม่ไว้ใจที่กินเวลามานานหลายร้อยปี พวกเขากลายมาเป็นเพื่อนที่ร่วมบินด้วยกัน ฮิคคัพต้องการเขี้ยวกุด พอๆ กับที่เขี้ยวกุดต้องการเขา เมื่อคนหนึ่งล้ม พวกเขาทั้งคู่ก็ล้ม ความผูกพันของพวกเขาแสดงให้พวกเราเห็นว่าความหวาดกลัวสามารถเปลี่ยนไปเป็นมิตรภาพได้อย่างไรครับ” 

สำหรับเดอบลัวส์ การจินตนาการผลงานการสร้างสรรค์ที่เขารักเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งในรูปแบบของภาพยนตร์ที่ใช้คนแสดง คือการกระทำที่มีความสมดุลระหว่างการแสดงความเคารพและการค้นพบใหม่ “ความหวังของผมก็คือคนดูที่รักตัวละครเหล่านี้ในเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น จะกลับมาค้นพบพวกเขาอีกครั้ง ด้วยความอบอุ่นที่คุ้นเคย และมีความลึกซึ้งใหม่ที่จะทำให้เซอร์ไพรส์ครับ” เดอบลัวส์กล่าว “เรานำเสนอเรื่องราวการดัดแปลงครั้งใหม่นี้ด้วยความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อผลงานที่เคยมีมาก่อน ขณะเดียวกันก็กล้าที่จะจินตนาการถึงสิ่งที่เป็นไปได้ มันเป็นเรื่องราวที่นำเสนอความมหัศจรรย์ของการบินในท้องฟ้า ความกล้าหาญที่จะตั้งคำถามในสิ่งที่เราถูกสอนมา และความมหัศจรรย์ของการค้นพบสิ่งที่มีความพิเศษอย่างมากในตัวคุณเอง นั่นคือสิ่งที่ How to Train Your Dragon นำเสนอเอาไว้เสมอมา และยังมีสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำเสนอในแบบที่คนดูยังไม่เคยเห็นมาก่อนครับ”

พบกับเรื่องราวของมิตรภาพและการผจญภัยของสองคู่หูในรูปแบบ Live Action สุดตื่นตาใน How To Train Your Dragon ที่โรงภาพยนตร์ 11 มิถุนายนนี้